วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นาย ทัฬหพัฒน์ ศรีโสดา รหัส 5510122115027

การบริหารเชิงวิทยาศาสตร์
      ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของการบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ คือ เฟรเดอริค เทเลอร์ (Frederick  Taylor,1852-1915)  ซึ่งเริ่มต้นทำงานตั้งแต่เสมียนจนได้เป็นหัวหน้าวิศวกร ทั้งนี้ด้วยความเฉลียวฉลาดและการใฝ่หาความรู้ตลอดเวลา
     จุดมุ่งหมายของเทเลอร์ คือ การทำให้การทำงานของคนงานลดลงเหลือส่วนย่อยที่สุด และหน่วยทำงานที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะทางเท่าที่จะทำได้  การศึกษาเกี่ยวกับเวลาและความเคล่อนไหวเป็นพื้นฐานของทฤษฎีนี้ กระบวนการทำงานตามแนวคิดของเขามุ่งเช่อมผลประโยชน์ของคนงาน และฝ่ายบริหารเข้าด้วยกันเป็นผลประโยชน์ของส่วนรวม
        ในปี ค.ศ.1911  เทเลอร์ได้เสนอหลักการบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีสาระสำคัญ  ดังนี้
1. การทำงานด้วยปริมาณมาก
2. การทำงานมีเงื่อนไขที่เป็นมาตรฐาน
3. การทำงานมีรายได้สูง
4. การทำงานบกพร่องที่ก่อให้เกิดสูญเสีย        
5. การทำงานในองค์การขนาดใหญ่ต้องการผู้เชี่ยวชาญ

หลักการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ของ เฟรดเดอริค เทย์เลอร์ ( Frederick Taylor )
หลักการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ ของเฟรดเดอริค เทย์เลอร์ ได้เสนอความคิดเห็นในบทความชื่อ " The Pprinciple of Scientific Management" ว่าการบริหารงานตามหลักวิทยาศาสตร์การจัดการเป็นวิธีที่ดีกว่าการอาศัยหลักการความเคยชิน โดยเทย์เลอร์เชื่อว่าผู้บริหารมีหน้าที่ดังนี้
1. สร้างหลักการทำงานที่เป็นวิทยาศาสตร์สำหรับการทำงานในขั้นตอนต่างๆของงาน
2. คัดเลือกคนงานตามหลักกฎเกณฑ์วิทยาศาสตร์
3. พัฒนาคนงานให้เรียนรู้หลักการทำงานแบบวิทยาศาสตร์
4.สร้างบรรยากาศการร่วมมือระหว่างผู้บริหารกับคนงาน

ในการทำงานในสังคมหรือองค์กรต่างๆบนโลกจะต้องมีหลักการในการทำงาน ทั้งลูกน้องและเจ้านาย การตั้งหรือมีกฎเกณฑ์ในการทำงานเพื่อให้งานนั้นๆสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และจะต้องมีการเลือกสรรค์ บุคคลกับงานในหน้าที่ต่างๆให้เหมาะสมกับกายภาพของบุคคลนั้นๆ และสถานที่ทำงานก็ควรมีบรรยากาศที่น่าอยู่สามารถทำงานได้อย่างสบายใจ Ex. ดิฉันเห็นการบริหารงานในโรงงานนำยางแถวบ้านของดิฉัน เขามีหลักในการบริหารงานในโรงงานทั้งผู้จัดการและคนงานทุกคน โรงงานนี้เลือกสรรค์ผู้ที่จะเข้ามาทำงานโดยเลือกตามความสามารถและประสบการณ์ของบุคคลนั้นๆ มีการจัดระบบการทำงานภายในโรงงาน จนทำให้ประสบผลสำเร็จและเป็นที่ไว้วางใจแก่ลูกค้า และทำให้ดิฉันนึกถึงหลักการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ของ เฟรดเดอริค เทย์เลอร์ทุกๆองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ จำเป็นจะต้องมีระบบแบบแผนที่แน่นอนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในหน่วยงานให้ดีขึ้น

แนวคิดการบริหารจัดการสมัยใหม่
มีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่
ประการแรก การมุ่งเน้นประสิทธิผลหรือผลสัมฤทธิ์
ประการที่สอง การมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพ หรือความพึงพอใจของผู้รับบริการ
และประการสุดท้าย การมุ่งเน้นหลักความรับผิดชอบ
               ซึ่งองค์ประกอบนี้สอดประสานกับสภาพแวดล้อมทางการบริหารที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้องค์การต้องปรับตัวตามเพื่อความความเข้มแข็งในการอยู่รอดและมีความสามารถเชิงการแข่งขัน หลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ที่องค์การภาครัฐส่วนใหญ่นำแนวคิดไปใช้หรือประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม ได้แก่ Re-Engineering, Downsizing, Benchmarking, Reinventing, Change Management, Total Quality Management,  Good Governances, Balanced Scorecard, Swot Analysis, Strategic Management, Knowledge Management, Results Base Management, และ Competencies เป็นอาทิ

                            หลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ที่กล่าวข้างต้นเป็นกระแสหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดแนวคิดการบริหารองค์การภาครัฐแนวใหม่ในกระบวนการทางรัฐประศาสนศาสตร์ ดังเห็นได้จากความพยายามที่จะพัฒนาระบบราชการไทยโดยใช้หลักการบริหารจัดการสมัยใหม่อย่างจริงจังและมียุทธศาสตร์การพัฒนาที่ชัดเจนตั้งแต่ พ.ศ.2546 เป็นต้นมา ทั้งนี้เพื่อต้องการให้องค์การภาครัฐสามารถสร้างคุณภาพการให้บริการประชาชนจนเป็นที่พอใจ โครงสร้างองค์การภาครัฐสอดคล้องกับบทบาทภารกิจและคุ้มค่าในการดำเนินการ ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมีขีดความสามารถเป็นไปตามมาตรฐานการทำงาน พร้อมกับมีค่านิยมและวัฒนธรรมการทำงานแบบใหม่ รวมทั้งกระบวนการวิธีการทำงานมีความทันสมัย โดยประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารงานภาครัฐ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น