วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นางสาวนราวดี ขำผา รหัส 5310122108024 เคมี / 53 หมู่ 1

งานที่ 1 : ขอบข่ายและพัฒนาการบริหารจัดการ ทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารจัดการ
บริบทสำคัญประการหนึ่งของนักบริหาร คือการจัดการหรือการบริหารองค์การให้สามารถอยู่ได้อย่างมีเสถียรภาพภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง โดยรวบรวมเอากลุ่มกิจกรรมต่างๆ ขององค์การนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อความสำเร็จในเป้าหมาย โดยคำนึงถึงความมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
  ดังนั้นการจัดการ (Management) หรือการบริหาร (Administration)   2 คำนี้จึงเป็นคำที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยและใช้กันอยู่เสมออย่างกว้างขวางจึงมีความหมายคล้ายคลึงกันและใช้ทดแทนกันอยู่เสม เพราะฉะนั้น การจัดการ คือ การจัดการภารกิจภายในองค์การให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป็นไปตามนโยบาย แผนงานที่ได้กำหนดไว้ ส่วนการบริหาร หมายถึง การบริหารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการในระดับแผนงาน ซึ่งส่วนใหญ่ใช้กับการบริหารในภาครัฐหรือองค์การขนาดใหญ่ จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันของความหมายของคำ    2 คำนี้ ขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์ของผู้ใช้ว่าจะมีความเหมาะสมไปในทางใด ซึ่งอาจใช้คำทั้ง 2 แทนกันได้หน้าที่ในการจัดการ (The Function of Management) นักวิชาและนักบริหารได้มีการวิเคราะห์ว่า  การจัดการเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ดังนั้นจึงได้จัดหน้าที่ของการจัดการโดยแบ่งออกเป็น 5 ประเภทดังนี้คือ
       1.  การวางแผน  (Planning)
       2.  การจัดองค์การ  (Organization)
       3.  การจัดหาคนเข้าทำงาน  (Staffing)
       4.  ภาวะผู้นำ  (Leading)
       5.  การควบคุม  (Controlling)
แนวคิดและทฤษฏีการจัดการ
 Robert  H.Waterman JR -- โรเบิร์ต เอช วอเทอร์แมน จูเนียร์  เป็นชาวอเมริกัน จบการศึกษา ปริญญาตรีgeophysicsจาก Colorado School of Mines ปริญญาโท MBA จาก Stanford University
                       ท่านให้แนวคิดว่ายุคที่มีการเปลี่ยนแปลงสูง องค์กรต้องสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนั้นได้  สิ่งสำคัญที่องค์กรปัจจุบันต้องการมากคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนการใช้เทคนิคต่างๆในการแก้ปัญหาในหนังสือAdhocracy: the Power to Change ท่านได้ใช้ทักษะจากการเป็นที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการมากว่า 25 ปี นำเสนอวิธีการในการที่จะสร้างองค์กรแบบ adhocracy และผลักดันให้มันทำงานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างทีมงานและการแยกกระจายหน่วยงานที่ใหญ่และซับซ้อนออกเป็นหน่วยย่อย สร้างวัฒนธรรมให้มุ่งเน้นการแก้ปัญหาอย่างเป็นธรรมชาติ
โธมัส เจ ปีเตอร์ส (Thomas J. Peters) และโรเบิร์ต เอช วอเตอร์แมน จูเนียร์ (Robert H.Waterman,Jr.) ในการค้นหาความเป็นเลิศ ในช่วงต้นปี 1977   พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการดำเนินงานนอกจากกลยุทธ์และโครงสร้าง ยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์เชื่อมโยงกันทั้งหมด 7ปัจจัยได้แก่
- โครงสร้าง  (structure)
- กลยุทธ์  (strategy)
- บุคลากร  (staff)
- สไตล์การจัดการ  (style)
- ระบบ  (systems)
- ค่านิยมร่วม  (sharedvalue)
- ทักษะ  (skills)
ซึ่งตัวแปร 2 ตัวแรกคือโครงสร้างและกลยุทธ์ เปรียบเสมือนเป็นส่วนที่เรียกว่าฮาร์ดแวร์ ซึ่งผู้จัดการในอดีตให้ความสนใจ ส่วนตัวแปรอีก5 ตัวที่ค้นพบใหม่ในอดีตผู้จัดการมักไม่ให้ความสนใจมากนัก ซึ่งเปรียบเสมือนซอฟท์แวร์ แมคคินซีย์ เรียกตัวแปรเหล่านี้ว่า กรอบ 7 – S
การจัดองค์การให้มีประสิทธิภาพ
Thomas J. Peters & Robert H. Waterman, Jr. เขียนในหนังสือชื่อ  In Search of lExcellence. เรียบเรียงเป็นไทยโดย วีรชัย ตันติวีระวิทยา(กทม: ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2530)   คุณลักษณะ 8 ประการของเชิงการบริหารของบริษัทอเมริกันที่ประสบความสำเร็จ คือ
1. มุ่งเน้นการปฏิบัติ (a bias for action)
2. มีความใกล้ชิดกับลูกค้า (close to the customer)
3. มีความอิสระในการทำงานและความรู้สึกเป็นเจ้าของกิจการ ((autonomy and entrepreneur-ship)
4. เพิ่มผลผลิตโดยอาศัยพนักงาน (productivity through people)
5. สัมผัสกับงานอย่างใกล้ชิดและความเชื่อมั่นในคุณค่าเป็นแรงผลักดัน (hands-on and value driven)
6. ทำแต่ธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญและเกี่ยวเนื่อง (stick to the  knitting)
7. รูปแบบเรียบง่ายธรรมดา พนักงานอำนวยการหรือส่วนกลางมีจำกัด (simple form and lean staff)
8. เข้มงวดและผ่อนปรนในเวลาเดียวกัน (simultaneous loose-tight properties)

เอกสารอ้างอิง
ทฤษฎีและหลักการบริหารจัดการ  สืบค้น วันที่  20 มิถุนายน 2556   http://www.mcucr.com/home/includes/editor/assets/cassroom_cheet1.pdf
แนวคิดและทฤษฏีการจัดการ    http://adisony.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น