ที่มา www.google.co.th Website
บริหารจัดการ
คำว่า การบริหาร (administration) มีรากศัพท์มาจากภาษาลาติน “administatrae” หมายถึง ช่วยเหลือ (assist) หรืออำนวยการ (direct) การบริหารมีความสัมพันธ์หรือมีความหมายใกล้เคียงกับคำว่า “minister” ซึ่งหมายถึง การรับใช้หรือผู้รับใช้ หรือผู้รับใช้รัฐ คือ รัฐมนตรี สำหรับความหมายดั้งเดิมของคำว่า administer หมายถึง การติดตามดูแลสิ่งต่าง ๆ
ส่วนคำว่า การจัดการ (management) นิยมใช้ในภาคเอกชนหรือภาคธุรกิจซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเพื่อมุ่งแสวงหากำไร (profits) หรือกำไรสูงสุด (maximum profits) สำหรับผลประโยชน์ที่จะตกแก่สาธารณะถือเป็นวัตถุประสงค์รองหรือเป็นผลพลอยได้ (by product) เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงแตกต่างจากวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งหน่วยงานภาครัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการสาธารณะทั้งหลาย (public services) แก่ประชาชน การบริหารภาครัฐทุกวันนี้หรืออาจเรียกว่า การบริหารจัดการ (managementadministration) เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจมากขึ้น เช่น การนำแนวคิดผู้บริหารสูงสุด (Chief Executive Officer) หรือ ซีอีโอ (CEO) มาปรับใช้ในวงราชการ การบริหารราชการด้วยความรวดเร็ว การลดพิธีการที่ไม่จำเป็น การลดขั้นตอนการปฏิบัติราชการ และการจูงใจด้วยการให้รางวัลตอบแทน เป็นต้น นอกเหนือจากการที่ภาครัฐได้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนหรือภาคธุรกิจเข้ามารับสัมปทานจากภาครัฐ เช่น ให้สัมปทานโทรศัพท์มือถือ การขนส่ง เหล้า บุหรี่ อย่างไรก็ดี ภาคธุรกิจก็ได้ทำประโยชน์ให้แก่สาธารณะหรือประชาชนได้เช่นกัน เช่น จัดโครงการคืนกำไรให้สังคมด้วยการลดราคาสินค้า ขายสินค้าราคาถูก หรือการบริจาคเงินช่วยเหลือสังคม เป็นต้น
ทฤษฎีและแนวความคิดทางการบริหาร
แนวความคิด (concepts) หมายถึง การสรุปและจัดระเบียบเรื่องราวจากรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อวางเป็นหลักการ การมีแนวความคิดเป็นสิ่งยึดถืออยู่ตลอดเวลานับว่าเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญยิ่ง เพื่อที่จะได้มีการพัฒนาต่อไปอีกให้เป็นหลักและทฤษฎี (principles & theory) ได้ในที่สุด
ทฤษฎี (theory) หมายถึง ความรู้ที่เกิดขึ้นมาจากการรวบรวมแนวความคิดและหลักการต่าง ๆ ให้เป็นกลุ่มก้อน
ทฤษฎีการบริหาร หมายถึง การพยายามสรุปความและจัดระเบียบเรื่องราวต่าง ๆ ทางการบริหาร ที่เป็นทั้งแนวความคิดและหลักการต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบนั่นเอง
แนวความคิดทางการบริหาร (Management Concepts)
จากการที่ได้มีการศึกษาประวัติความเป็นของการบริหารในบทที่ 1 จะเห็นได้ว่ามีแนวความคิดที่มีเนื้อหาสาระสำคัญที่สุด 2 แนวความคิดด้วยกัน ที่จะได้มีการเปรียบเทียบกันถึงความแตกต่าง ได้แก่
ก. แนวความคิดการบริหารที่มีหลักเกณฑ์ (scientific management)
ข. แนวความคิดทางการบริหารแบบมนุษยสัมพันธ์ (human relations)
ก. การบริหารที่มีหลักเกณฑ์ (scientific management)
กำเนิดขึ้นครั้งแรกในสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม โดย Frederick W. Taylor และ Henri Fayol บุคคลทั้งสองได้วางรากฐานของความรู้ที่สำคัญและทฤษฎีการบริหารที่ถูกต้องขึ้นเป็นครั้งแรก
ข. การบริหารแบบมนุษยสัมพันธ์ (Human Relations)
หลังจากที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้อัตราการว่างงานมีมากกว่า 25% นั้น สหภาพแรงงานได้เรียกร้องผลประโยชน์ให้แก่ชนชั้นผู้ใช้แรงงาน นับได้ว่าเป็นยุคทองของสหภาพและกลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิในการรวมตัวทางแรงงานและผลประโยชน์ของคนงาน โดยเฉพาะจากโครงการศึกษาที่โรงงาน ”Hawthorne” ของ George Elton Mayo และ Fritz Rothisberger ซึ่งได้มีการกระทำเป็นครั้ง ๆ อย่างต่อเนื่องยาวนาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น