ที่มา: องค์การและการจัดการทันสมัยยุคโลกาภิวัตน์. รศ.ธงชัย สันติวงษ์. บริษัทโรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช จำกัด. กทม. พ.ศ. 2539
องค์การและด้านบริหาร ฉบับปรับปรุงแก้ไข. รศ.ธงชัย สันติวงษ์.บริษัทโรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช จำกัด. กทม. พ.ศ. 2539
การจัดการงานผลิตและบริหารเพื่อการพัฒนา. พ.ศ.2553. เบญจมาศ เปาะทอง,ปวีณา ทองบุญยัง,จุฑารัตน์ ธาราทิศ. บริษัท แอคทีฟ พริ้น จำกัด กทม.
สำหรับความหมายคำว่า “ ทฤษฏี ” หมายถึง ความรู้ที่เกิดขึ้นมาจากการรวบรวมแนวความคิดและหลักการต่าง ๆ ให้เป็นกลุ่มก้อนและสร้างเป็นทฤษฏีขึ้นมา ทฤษฏีใดๆก็ตามที่ตั้งขึ้นมานั้นจะมีขอบเขตกว้างกว่าที่จะคลุมถึงการจัดจำแนกหลักการและแนวความคิดประเภทเดียวกันเอาไว้ด้วยกันเป็นหมวดหมู่ การมีทฤษฏีคลอบคลุมจึงเท่ากับเป็นเครื่องมือเอื้ออำนวยให้สามารถมีกรอบของเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับหลักการต่างๆและแนวความคิด เพื่อที่จะสามารถทำการปรับปรุงคำกำจัดความและขัดเกลาทฤษฏีนั่นๆให้ละเอียดชัดแจ้งยิ่งขึ้น แนวความคิด หมายถึง การสรุปและจัดระเบียบเรื่องราวจากรายละเอียดต่างๆเพื่อวางเป็นหลักการ อาจพูดได้เป็นอีกนัยหนึ่งว่า แนวความคิดต่างๆนั่นแท้จริงก็คือ การให้คำจำกัดความ การให้นิยามหรือการกำหนดความหมายนั่นเอง แนวความคิดทางการบริหาร (Management Concepts) แนวความคิดทางการบริหารที่เกิดขึ้นมาตามประวัติความเป็นมา ตามที่ได้ทราบมาจากพื้นความคิดที่เกิดขึ้นในแต่ละยุคสมัยที่มีภาวการณ์เปลี่ยนแปลงเป็นลำดับมานั้น สองแนวความคิดที่สำคัญที่สุดที่มีแก่นสารและเนื้อหาสาระจำเพาะที่จะช่วยให้เห็นถึงทั้งสองทฤษฏีที่แตกต่างกันและเปรียบเทียบได้ คือ 1.แนวความคิดการบริหารที่มีหลักเกณฑ์ (scientific management) แนวความคิดการบริหารที่มีหลักเกณฑ์ได้กำเนิดขึ้นครั้งแรกในสมัยการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดย Frederick W.Taylor และ Henri Fayol ซึ่งเป็นผู้ต้นคิดสำคัญในการวางหลักการและทฤษฏีการบริหารที่ถูกต้องขึ้นเป็นครั้งแรก
สาระสำคัญของแนวความคิด Taylor “ การเปลี่ยนจากความไม่มีประสิทธิภาพ อันสืบเนื่องมาจากวิธีปฏิบัติแบบไม่มีหลักเกณฑ์มาเป็นความมีประสิทธิภาพ โดยมีวิธีการบริหารที่มีหลักเกณฑ์ที่กำหนดขึ้น โดยตัวผู้บริหารตามความรับผิดชอบที่ควรจะต้องมีมากขึ้นกว่าเดิม”
สาระสำคัญของแนวความคิดของ Henri Fayol จะศึกษาถึงศาสตร์เกี่ยวกับการบริหารซึ่งสามารถใช้ได้กับการบริหารทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการบริหารงานอุตสาหกรรมหรืองานรัฐบาล มีแนวความคิดดังนี้
1.)เกี่ยวกับหน้าที่การบริหาร
2.)ผู้บริหารจะต้องมีคุณลักษณะพร้อมด้วยความสามารถทางร่างกาย จิตใจ ไหวพริบ การศึกษาหารความรู้ เทคนิคในหารทำงานและประสบการณ์ต่างๆ 3.)เกี่ยวกับหลักบริหาร มี14 ข้อ คือ การแบ่งงานกันทำ อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ ความมีระเบียบวินัย การมีผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว ผลประโยชน์ส่วนตัวสำคัญน้อยกว่าส่วนรวม ค่าตอบแทนและวิธีการจ่ายค่าตอบแทน การรวมอำนาจ สายการบังคับบัญชา คำสั่ง หลักความเสมอภาค ความมั่นคงในการทำงาน ความคิดริเริ่มและความสามัคคี 2.แนวความคิดการบริหารแบบมนุษย์สัมพันธ์ (human relations) 1.)พฤติกรรมของคนงานที่มีการปฏิบัติตอบต่อสภาพแวดล้อมทั้งสองทางด้วยกัน คือ ทั้งต่อสภาพทางกายภาพที่เป็นสภาพแวดล้อมรอบตัว ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมของงานและยังมีการปฏิบัติตอบต่อสภาพแวดล้อมของเรื่องราวทางจิตวิทยาและสังคมของที่ทำงานด้วย 2.)ความเข้าใจว่าคนจะมีพฤติกรรมเป็นไปตามเหตุผลเท่านั้น โดยข้อเท็จจริงที่เป็นความรู้ใหม่ก็คือ คนจะมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามเหตุผลหรือนั่นคือ มีอารมณ์ มีความนึกคิด ชอบพอ ตลอดจนความพอใจอื่นๆของตน รวมทั้งความอบอุ่นใจและความสนุกสนานในการทำงานด้วย ขอบข่ายและพัฒนาการของการบริหารการ
ปัญหาสำคัญสองประการขององค์การ คือ ปัญหาในเรื่องของการจัดระเบียบและดำรงไว้ซึ่งสภาพภายใน และปัญหาของการสามารถปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม องค์การทุกองค์การต่างก็ต้องมีสภาพภายในที่เป็นระเบียบและมีความสมดุลในระหว่างฝ่ายต่างๆที่เข้ามาร่วมกันเท่านั้นองค์การจึงจะทำงานอย่างได้ผลและสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ โดยจะแบ่งขอบเขตหน้าที่ดังนี้ 1.สภาพแวดล้อมภายนอก สภาพของเศรษฐกิจ การเมือง สังคมวัฒนธรรม รสนิยมความต้องการ การแข่งขัน เทคนิควิทยาความรู้และกฎหมายภาษี เป็นต้น 2.การจัดการภายใน จัดเตรียมให้มีองค์การที่เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติงานที่ได้เลือกไว้แล้วให้เสร็จสิ้นไป การควบคุมและสั่งการให้งานดำเนินไปโดยร่วมมือและประสานกันอย่างดี 3.การจัดการภายนอก การสัมพันธ์องค์การให้มีการเลือกทำกิจกรรมที่เหมาะสมกับเงื่อนไขของสภาพแวดล้อมภายนอกด้วยวิธีการกำหนดวัตถุประสงค์ กลยุทธ์ นโยบายเพื่อให้สามารถทำกำไรได้สูงสุดตามกำลังทรัยยากรขององค์การที่มีอยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น